วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

สังสรรค์..ร่ำลา



























งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการ
วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๗
เวลา ๑๘.๐๐ - ๒๒.๓๐ น.

ณ โรงแรมแกรนด์ปาร์ค

























ดูภาพเพิ่ม  ชุดที่ ๑
              ชุดที่ ๒

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

ปาเจราจริยา โหนติ













ปาเจราจริยาโหนติ คุณุตตรานุสาสกา   
แปลว่า ครูอาจารย์เป็นผู้ทรงคุณอันประเสริฐยิ่ง เป็นผู้พร่าสอนศิลปวิทยากร















ข้าฯขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์
ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา
ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา
แก่ข้าฯในกาลปัจจุบัน
ข้าฯขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์
ด้วยใจนิยมบูชา
ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน
อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี
แก่ข้าฯและประเทศไทย เทอญฯ















ปัญญาวุฒิกเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหัง  
 แปลว่า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมเหล่านั้น ผู้ให้โอวาท ผู้ทาให้ปัญญาเจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ครู อาจารย์เหล่านั้น ด้วยความเคารพ






ดูภาพเดิ่ม

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

เกษียณอำลา ๒๕๕๗


 งานมุทิตาจิตคุณครูและบุคลากรทางการศึกษา เกษียณอายุราชการประจำปี ๒๕๕๗ 

ณ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๗

ดูภาพเพิ่ม

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ครูสุธี เจริญสุข


เพลงประจำโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เพลงร่มจันกัลยาณีฯ มีทั้งหมด 12 เพลง ดังนี้
1. สระกวีศรีปราชญ์ เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ทิพวัลย์ ปิ่นภิบาล
2. พระสูง เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ชินกร ไกรลาศ
3. กัลยาณีขวัญใจ เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: รวงทอง ทองลั่นทม
4. ตรึงใจเตือน เนื้อร้อง-ทำนอง: กวี สัตโกวิทย์ ขับร้อง: โฉมฉาย อรุณฉาน
5. มิ่งขวัญกัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: จงกลณี ศักดิ์วงศ์ และ อโศก สุขศิริพรฤทธิ์
6. ลาแล้วกัลยาณีฯ เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ทิพรัฐ กลับวงศา
7. มาร์ชกัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ร้องหมู่สุนทราภรณ์
8. อุดมการณ์กัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ศรีสุดา รัชตะวรรณ
9. เฮฮากัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ร้องหมู่สุนทราภรณ์
10. ตะลุงกัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ศรีสุดา รัชตะวรรณ และ เสถียร ปานคง
11. รักกัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: ร้องหมู่สุนทราภรณ์
12. คิดถึงกัลยาณี เนื้อร้อง-ทำนอง: สุธีร์ เจริญสุข ขับร้อง: โสมรัศมิ์ เกาวนันท์ และ วิษณุ มหามิตร

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แรกเริ่ม


          พ.ศ. 2461 แผนกสตรีของโรงเรียนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดสอนอยู่ที่วัดท่ามอญ (วัดศรีทวี) ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี พระครูศรีสุธรรมรัต (ห้องกิ้ม วุฑฺฒึงกโร) เจ้าอธิการวัดเป็นผู้อุปการะหรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าเป็นผู้ก่อ ตั้งโรงเรียน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นมูลชั้นประถมปีที่1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 
          ดังที่ปรากฏข้อมูลในประวัติวัดศรีทวีว่า "พระครูศรีสุธรรมรัต หรือ พระครูเหมเจติยานุรักษ์ (ห้องกิ้ม วุฑฺฒึงกโร) ในสมัยของท่านนี้ ท่านได้พัฒนาสร้างความเจริญให้กับวัดท่ามอญ เช่น อุโบสถ กุฎีที่พักสงฆ์ และที่สำคัญได้สร้างโรงเรียนวัดท่ามอญเพื่อให้เด็กผู้หญิงได้ศึกษาเล่าเรียน เช่นเดียวกับเด็กผู้ชาย ซึ่งเด็กผู้ชายได้เรียนที่วัดท่าโพธิ์ และโรงเรียนวัดท่ามอญในครั้งนั้นเป็นที่มาของโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราชใน ปัจจุบันนี้

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วงดุริยางค์ปี ๒๕๑๒

วงดุริยางค์ โรงเรียนกัลยาณีฯ ปีพ.ศ. ๒๕๑๒
ตั้งขบวนหน้าตึกอึ่งค่ายท่าย ฝั้งประตูทิศเหนือ

วงดุริยางค์ โรงเรียนกัลยาณีฯ ปีพ.ศ. ๒๕๑๒
ถ่ายภาพหมู่หน้าตึกอึ่งค่ายท่าย 
บริเวณสนามบาสเก็ตบอล
อาจารย์ผู้ควบคุม คือ อ.สุธี  เจริญสุข
ถ่ายเมื่อ วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๑๒

เครดิตภาพ : น.ศ.๒ ชุติมา พงศ์อำไพ ห้องม.ศ.๓ข

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พระสูง


           พระสูง โบสถ์มหาอุด แม้จะเป็นโบสถ์แต่ก็มีที่ตั้งที่มิได้อยู่ในเขตวัดแต่ประการใด
ที่ตั้งของหอพระสูง จะอยู่ในบริเวณทิศใต้ของสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราชหากเปรียบเทียบให้เห็น ง่ายๆ ก็คือสนามหน้าเมืองแห่งนี้เปรียบได้ดัง “ท้องพระเมรุ” (สนามหลวง) ของกรุงเทพฯ นั่นเอง คือเป็นที่ตั้งเมรุเผาศพสำหรับคนชั้นสูงของเมืองนครศรีธรรมราชเท่านั้น และสามารถยืนยันด้วยบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่าบริเวณแห่งนี้ไม่เคยเป็นวัดมา ก่อน หอพระสูงหรือโบสถ์มหาอุดแห่งนี้จึงไม่ใช่ ศาสนะสถานโดยตรงแน่นอน

          ที่ตั้งของหอหระสูงในปัจจุบันได้มีบันทึกระบุไว้ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ หรือสมัยสงคราม ๙ ทัพว่า มูลดินสูงที่เป็นที่ตั้งของหอพระสูงแห่งนี้ คือดินที่เกิดจากการขุดหลุมพรางแบบสนามเพลาะ ดินที่สูงขึ้นมาถึง ๕ วาได้ใช้ทำเป็นฐานปืนใหญ่ได้ถึง ๓ กระบอก แสดงว่าหอพระสูงถูกสร้างหลังจากนี้แต่ไม่มีบันทึกไว้แน่ชัดว่าสร้างเมื่อไร

          พิจารณารูปแบบของการก่อสร้างภายนอกก็จะพบว่า จะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๔ ด้าน หลังคาเป็นแบบทรงจีน มุงด้วยกระเบื้องเคลือบ รูปทรง ๔ เหลี่ยมขนมเปียกปูน มีประตูเข้าออกทางเดียวเป็นประตูลงสลักดานจากภายใน โดยรวมเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายแต่มีอิทธิพลของช่างฝีมือจีนมาปะปนอยู่มาก


ภายในหอพระสูงจะมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ประดิษฐานอยู่ ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “พระสูง” เป็นพระพุทธรูปที่ไม่มีโลกุตระ (ปลียอดแปดแนว) บนพระเศียร และมีจิตรกรรมฝาผนัง “ลายดอกพิกุล” หรือ “ลายดอกไม้ร่วง” ซึ่งเป็นศิลปะแบบจีนแต่สันนิษฐานว่าวาดประมาณสมัยรัชกาลที่ ๔ หรือหลังจากนั้นเพราะจิตรกรรมฝาผนังที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับพุทธ ประวัติจะไม่มีการวาดก่อนหน้านี้


          หอพระสูง มีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินอย่างไร  นอกจากคำบอกเล่าของคนนครศรีธรรมราชที่บอกต่อกันมาแล้ว คำบอกเล่าของคนในตระกูล ณ นคร ซึ่งมีเชื้อสายตรงน่าจะเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักกว่า “หอพระสูงแห่งนี้คือที่พักพระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าตากสินที่จัดขบวนแห่มา จากเขาขุนพนม ก่อนที่จะถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ สนามหน้าเมือง เดิมจะสร้างเป็นวิหารชั่วคราวอยู่ก่อน เมื่อเสร็จพิธีแล้วเพื่อไม่ให้ใครมาใช้สถานที่บริเวณดังกล่าวซ้ำ (เพราะเป็นที่ที่พระเจ้าแผ่นดินเคยใช้) จึงสร้างหอพระสูงคร่อมไว้ โดยใต้ฐานขององค์พระสูงเชื่อกันว่ามีพระบรมอัฐิบางส่วนของพระองค์บรรจุไว้ ด้วย  โดยการอำพรางพระศพได้มีคำบอกเล่าจาก พระครูสมพร ลาภิโก เจ้าอาวาสวัดสะบ้าย้อย ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และพ่อท่านรอด เจ้าอาวาสวัดประดู่  ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช (มรณภาพแล้วทั้ง ๒ รูป) ว่าบริเวณหอพระสูงได้ใช้ปลงพระศพของสมเด็จพระเจ้าตากสิน และเจ้าพระยานคร(หนู) เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งทำพิธีพร้อมกันเพื่ออำพรางพระบรมศพของสมเด็จพระ เจ้าตากสิน

          บท เพลงกล่อมเด็กโบราณ ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ซึ่งบางคนร้องออกมาโดยที่ไม่รู้ความหมายก็มี ซึ่งบทเพลงกล่อมเด็กที่ว่านี้มีร้องเฉพาะที่นครศรีธรรมราช มีใจความดังต่อไปนี้

                        ฮาเออ

                        ว่าตาแป๊ะหนวดยาว

                        ถึงคราวสิ้นทุกข์

                        เอาศพใส่โลงดีบุก

                        ไปค้างในดอนดง

                        ลูกเจ้าจอมหม่อมลับ

                        ถือฉัตรถือธง

                        เอาศพไปค้างในดอนดง

                        ค่อยปลงเมรุใหญ่เหอ

           เพียง แค่บทเพลงกล่อมเด็กธรรมดาหากไม่วิเคราะห์ให้ละเอียดลึกซึ้งก็อาจมอง ไม่เห็นความเชื่อมโยง มีประเด็นจากเนื้อเพลงนำมาวิเคราะห์ได้ดังนี้

“โลง ดีบุก” เป็นเครื่องยศของชนชั้นสูงของเมืองนครศรีธรรมราชเท่านั้น เพราะดีบุกจะมีราคาแพงและเป็นของมีค่าใช้ประกอบเครื่องยศของเจ้าเมือง ประเทศราชเช่นนครศรีธรรมราชเท่านั้น

“ลูกเจ้าจอมหม่อมลับ ถือฉัตรถือธง” แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่ใช่สามัญชน เพราะมีเครื่องสูงอย่างฉัตรและธงมาประกอบในพิธี

“เอา ศพไปค้างใว้ในดอนดง ค่อยปลงเมรุใหญ่เหอ” คำว่า “ปลง” แสดงว่าผู้ตายมียศสูง แต่ทำไมต้องเอาศพไปไว้ในป่าก่อน แล้วจึงค่อยมาเผาที่เมรุภายหลัง ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ว่า ผู้ตายมียศเทียบเท่าเจ้าเมืองประเทศราช อาศัยอยู่ในป่าเขาก่อนที่จะย้ายศพออกมาเผา ซึ่งหากวิเคราะห์แล้วจะมีความสอดคล้องกับคำบอกเล่าของท้องถิ่นที่มีมายาวนาน ว่า สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงหนีภัยการเมืองมายังนครศรีธรรมราช และเสด็จประทับที่วัดเขาขุนพนมที่อยู่ในเขตป่าเขาจนสิ้นพระชนม์